คุณโรเบริ์ต ผู้เขียนหนังสือพ่อรวยสอนลูก กล่าวว่า
1. การเรียนรู้ทางวิชาการ
2. การเรียนรู้ทางวิชาชีพ
3 .การเรียนรู้ทางด้านการเงิน
การเรียนรู้ทางวิชาการและวิชาชีพ ไม่ได้สร้างความร่ำรวยให้กับเรา แต่สามารถให้เรามีงานทำ ทำงานเพื่อเจ้าของกิจการ
ทัศนคติที่แตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน
คนจน มักคิดว่า ฉันคงทำไม่ได้หรอก
คนรวย จะคิดว่า ฉันจะทำมันได้อย่างไร
คนจนมองการลงทุนเป็นความเสี่ยง และยึดกับการมีรายได้ประจำว่ามั่นคง
คนรวยมองหาวิธีการควบคุมความเสี่ยง และคิดว่าการมีรายได้ประจำไม่มั่นคง เพราะเงินเดือนของเราถูกควบคุมโดยนายจ้าง หรือหัวหน้างาน ไม่ใช่ ตัวเราเอง
ธุรกิจหนึ่งที่คุณโรเบิร์ตแนะนำสำหรับคนที่มีทัศนคติแบบคนรวย แต่อาจมีเงินทุนน้อย คือลงทุนเวลา + กับความตั้งใจจริง ในธุรกิจเครือข่าย ซึ่งเราเองรู้สึกดีมาก และคิดว่าตนเองตัดสินใจถูกที่เลือกที่จะลงทุนกับธุรกิจเครือข่ายที่ใช้ระบบการทำงานจากที่บ้านเป็นแรงขับเคลื่อน ทำให้ธุรกิจเครือข่าย บน เครือข่ายอินเตอร์เน็ต ทำได้และมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จอย่างสูง
ถ้าต้องการที่จะเปลี่ยน ต้องเริ่มเปลี่ยน
ถ้ากลัวที่จะผิดพลาด คุณจะไม่ได้ทำอะไรเลย
ในโลกของธุรกิจคุณจะต้องเกิดข้อผิดพลาด เรียนรู้ประสบการณ์จากข้อผิดพลาด
เหมือนเด็กที่หัดเดิน ล้มแล้วลุก แล้วเดินต่อ ไม่ว่าจะล้มสักกี่ครั้ง ก็จะลุกและเดินต่อ จนสามารถวิ่งได้ในที่สุด ทุก ๆ คนเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว
ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่าน และขอขอบคุณที่สละเวลา เข้ามาเยี่ยมชมเว็ปไซต์ของเรา
ความแตกต่างของแชร์ลูกโซ่กับ MLM
ธุรกิจMLM หรือ ธุรกิจเครือข่าย นั้นมีความคล้ายคลึงกับธุรกิจแชร์ลูกโซ่ตรงที่มันเป็นการหาคนมาต่อสายงาน อย่างที่หลายๆคนเข้าใจ แต่ความจริงเป็นอย่างไร เราลองมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการแชร์ลูกโซ่ ดีกว่า
แชร์ลูกโซ่คืออะไร?
แชร์ลูกโซ่ หมายถึง รูปแบบการดำเนินธุรกรรมที่มุ่งประสงค์เพื่อหารายได้จากการระดมทุนเป็นหลัก โดยมีการสัญญาในการเข้าร่วมธุรกิจที่จะตอบแทนผลประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ ที่สูงกว่าเงินลงทุน ซึ่งผู้ประกอบการมักจะอ้างถึงการนำเงินไปลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ ต่อ ๆ ไป เพื่อปันรายได้แจกจ่ายผู้เข้าร่วมธุรกิจอย่างทั่วถึง แต่ผลของมัน คือ การที่ตอบแทนผลประโยชน์ในช่วงต้น ๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการร่วมธุรกิจต่อเนื่องจนเมื่อถึงจุดที่ผู้ประกอบการหวังผลในการระดมทุนสำเร็จแล้ว ก็จะหาทางปิดตัวไปเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายผลประโยชน์ต่อ ๆ ไป หรืออาจจะดำเนินการต่อเนื่องจนกว่าฐานที่เข้ามาหรือผู้เข้าร่วมธุรกิจที่เข้ามาในช่วงหลังจะไม่สามารถหมุนเวียนเงินตอบแทนได้กับคนที่มาก่อนได้ ก็จะเริ่มปิดตัวลง
ลักษณะและวิธีการดำเนินงาน
การหาสมาชิก และการจ่ายผลประโยชน์
ส่วนใหญ่วิธีการดำเนินงานของแชร์ลูกโซ่จะเริ่มจากวงแคบ ๆ จากเพื่อนคนใกล้ชิดแล้วค่อย ๆ ขยายตัวไปรอบนอก จนถึงขั้นควบคุมไม่ได้ เพราะจะเริ่มออกสู่วงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ การหาสมาชิกก็จะใช้วิธีสร้างภาพลวง หว่านล้อมให้เกิดความเชื่อและการจ่ายผลประโยชน์กับสมาชิกระดับต้น ๆ หรือใกล้ชิดเป็นส่วนใหญ่ เพื่อโฆษณาชวนเชื่อ อีกข้อหนึ่ง คือ สมาชิกเหล่านี้ส่วนใหญ่มักเป็นคนสนิทของกลุ่มผู้ก่อตั้งแชร์ลูกโซ่อยู่แล้ว ย่อมมีผลประโยชน์คาบเกี่ยวกันมากมาย ดังนั้น จึงสามารถที่จะสร้างภาพลวงร่วมกันได้ สุดท้ายเมื่อได้ระดมทุนตามประสงค์แล้วก็จะปิดตัวลง ซึ่งสมาชิกระดับใกล้ชิดก็จะไม่เสียประโยชน์ใด ๆ ส่วนแมลงเม่าที่บินมาภายหลังส่วนใหญ่จะเป็นผู้เสียหาย และตามตัวผู้รับผิดชอบไม่ได้ เพราะหายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว ครั้นจะมาหาข้อมูลจากสมาชิกระดับผู้นำก็เปล่าประโยชน์ เพราะได้ปิดปากตัวเองแล้วจากผลประโยชน์ที่คาบเกี่ยวกันกับเจ้าของแชร์ลูกโซ่
MLM คืออะไร / MLM ให้อะไร / MLM เหมาะกับใคร / ทำไมต้อง MLM (กรุณาอ่านให้จบน่ะคะ)
MLM ย่อมาจาก muti level marketing mlm คือ ระบบ การวางแผนการตลาด การค้ารูปแบบหนึ่ง ซึ่งส่วนมากมองข้ามไป เป็นวิวัฒนาการ ของการคิด การค้า แบบให้ผลตอบแทน หลายชั้น หลายระดับ ทั่วไปมักมองว่าเป็นลูกโซ่ หรือปิรามิด ถ้าลองศึกษาลงไปจะเห็นว่าเป็นระบบที่มีมานานแล้ว ลองมาดูกันว่า มีอะไรบ้าง
- หลายคนมองว่า คนมาก่อนได้เปรียบ คนอยู่บนเอาเปรียบ ท่านลองมองระบบงานปัจจุบันครับ
- บริษัททั่วไป ระดับสูงก็คือ ประธานบริษัท รองประธานฯ หัวหน้าฝ่าย หัวหน้าแผนก ผู้จัดการ ไล่ลงมา แล้วประธานมีได้กี่คน ซึ่งเราทำงานไปจนเกษียณก็คงยังไม่รวยเท่าประธาน แล้วกว่าจะได้เป็นผู้จัดการ หัวหน้าฝ่าย หัวหน้าแผนก ละ ต้องใช้เวลากี่ปี
- หรือแม้แต่ในวงการศึกษา มหาลัยชั้นนำ มหาลัยเอกชน มหาลัยรัฐบาล ก็ยังคงเป็นรูปแบบ ปีรามิด ซึ่งมีมาตั่งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
นี่แค่เขียนถึงระบบโดยกว้างๆนะครับ ถ้าเจอะลึกลงไป ยังมีสิ่งที่เราอาจขำไม่ออก เช่น เราสมัครเข้าทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง นโยบายบริษัทคือ "พนักงานคือทรัพยากรอันมีค่า"ไม่ว่าเราจะถูกใช้ให้ทำอะไร เจ้านายจะโขกจะสับยังไงเราก็ทำได้ ยอมได้ทุกอย่างแม้งานนั้นเราจะไม่ชอบก็ตามเพื่ออนาคตที่ ”มั่นคง” ของเราแม้เจ้านายจะให้เราทำอะไรเราก็บอกเจ้านายว่า
“ทำได้ครับ” “ดีครับ” “ยินดีครับ” “ถูกต้องแล้วครับ” “ขอรับ” “คับผม”
”ปลดพนักงานออกเพื่อความอยู่รอด”
วิถีชีวิตของคนที่เป็นลูกจ้างนั้นค่อนข้างลำบาก รายได้ขึ้นอยู่กับผู้อื่น มีเพดานรายได้จำกัด ลงแรงไป 100% ได้กลับมาแค่ 20% ไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง เมื่ออยากได้บ้านได้รถก็ต้องผ่อน เมื่อมีรายจ่ายเยอะขึ้นก็ต้องหารายได้เพิ่มขึ้นจากการทำโอทีแต่สุดท้ายแล้วการทำโอทีก็ได้รายได้จำกัดอยู่ดี สุดท้ายชีวิตต้องวนเวียนอยู่กับหนี้สินเพราะรายได้ก้าวไม่ทันรายจ่าย
นี่ละครับความมั่นคงของชีวิตหรือหากเราไม่โดนไล่ออกวันหนึ่งเราไม่สามารถจะทำงานต่อไปได้ อยากถามว่าบริษัทยังจะส่งเงินเดือนให้คุณอีกไหม หรือ ทำงานรัฐบาลมีบำนาญ คุณแน่ใจหรอว่ามันพอเลี้ยงชีวิตที่เหลือของคุณ
ลองพิจารณาตัวเลขบางอย่างจาก สำนักงานจ้างแรงงานสากล สิ่งที่เราพบคือ ประชากรใน 100คนที่มุ่งมั่นทำงานตั้งแต่อายุ 25 ปี จวบจนกระทั่งอายุ 65 ปี ได้ถูกจัดกลุ่มดังนี้
1% เป็นบุคคลผู้มั่งคั่ง
63% เป็นภาระของสังคม ลูกหลาน มูลนิธิ
29% ตาย
จากสถิตินั้นแสดงให้เห็นว่า มีเพียง 5 คน ใน 100 คนเท่านั้น ที่มีเงินเพียงพอที่จะดูแลตน เองได้เมื่อตอนที่เขาเกษียณ และพวกเราก็ ต้องอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างแน่นอน
นี่แค่ตัวอย่างนะ
MLM ให้อะไร ใช่เรื่องแรกต้องควรรู้ก่อนว่าให้อะไร ใช่ไหมครับ จะได้ใช้เป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจ จากการศึกษาถึงระบบ mlm สิ่งได้พบจุดเด่น ของระบบนี้ คือ
> ความเท่าเทียม หรือ โอกาส การสร้างธุรกิจ(รายได้)
> การไม่จำกัดรายได้
> ไม่จำกัดเวลา
ข้อเสีย คนไม่เข้าใจแล้วนำไปคิดเอง โดยไม่ศึกษา และนำไปถ่ายทอดแบบไม่ถูกต้อง
MLM เหมาะกับใคร เรื่องนี้บอกได้อย่างเดียวว่า เหมาะสำหรับทุกท่าน การสร้างธุรกิจ MLM คือการสร้างเครื่องข่าย ใครสร้างได้มาก ย่อมมีรายได้มาก ในความเห็นส่วนตัว ผมว่าน่าที่สร้าง ธุรกิจ MLM ไว้สำรอง ถึงท่านจะทำอะไรอยู่ก็ตาม เพราะ MLM ไม่มีต้นทุนเพิ่ม มีแต่ รายได้เพิ่มไม่มีขีดจำกัด
สนใจสมัคร ร่วมธุรกิจเงินล้านกับเรา
คลิกที่รูปได้เลยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น